“ทำด้วยรัก สอนด้วยใจ” หนิงปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ นะคะกับประโยคนี้ เพราะทั้งหนิงและคุณสามี รู้สึกว่า Healthyning Yoga เกิดขึ้นมาเพราะสิ่งนี้จริง ๆ จุดเริ่มต้นแรก คงเกิดจากที่หนิงได้มีโอกาสมาสัมผัสกับโยคะ แล้วรู้สึกว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหลายสิ่งหลายอย่างทีเดียว เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า อยากให้คนอื่น ๆ ได้มาสัมผัสสิ่งที่เราเจอด้วยจัง เรื่องความรู้ที่มีก็คิดว่าพอจะแบ่งปันให้กับผู้เริ่มต้นได้โดยไม่มีปัญหา มั่นใจค่ะ เลยตัดสินใจที่จะแนะนำสิ่งที่เราคิดว่าสามารถทำให้สุขภาพเราดีขึ้น และทำให้ภาพรวมของตัวเราเองดีขึ้น
จากนั้นก็มานั่งวางแผนชีวิตกันว่า ถ้าหนิงไม่มีลูกศิษย์มาเรียนล่ะจะทำยังไง แต่ด้วยความที่เราตั้งใจ ก็ได้แต่หวังว่า หากที่ตั้งใจทำจริง ๆ สิ่งนั้นจะต้องส่งผลในอนาคตอย่างแน่นอน ว่าแล้วก็เอาเลย ฤกษ์ดี โดยไม่ได้ดูดวงไรหรอกนะคะ เอาฤกษ์ที่ตัวเองสะดวกเนี่ยแหละ วันที่ 2 มิถุนายน 2554 ก็ได้เริ่มทำการเปิดคลาสเป็นวันแรก ซึ่งหนิงเริ่มเปิดเพียง 2 เวลาเท่านั้น คือ 17.30 – 18.30 และ 18.45 – 19.45 จากนั้นไม่นาน แค่เดือนเดียวเอง หนิงได้เปิดคลาสเช้าเพิ่มขึ้นอีก 1 คลาส เวลา 10.00 – 11.00 เพราะหนิงจะต้องฝึกตัวเองด้วยทุกวัน ตั้งแต่ช่วงเจ็ดโมงกว่าจนถึงเก้าโมง และอาจจะต้องขอเวลาทานอาหารเช้าหลังจากฝึกเสร็จด้วย เลยเปิด 3 คลาสตามที่บอกไว้ โดยสอนแค่วันจันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ขอเป็นเวลาของครอบครัวค่ะ และเผื่อไว้รับงานนอกบ้างอ่ะนะ อิอิ แต่หลังจากเปิดมาเรื่อย ๆ ก็มีคนร้องขอให้เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และเพิ่มรอบเช้าขึ้น ซึ่งหนิงได้เพิ่มรอบ 8.45-9.45 หลังจากเปิดครบ 2 ปีเต็มเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2556 ทำให้การฝึกของตัวเองลดลง และตัวมีวินัยในตัวเองมากขึ้นอีกเยอะเลยเพราะต้องพยายามฝึกเองให้มากขึ้น ทำให้ปัจจุบันตารางการเรียนจึงถูกเปลี่ยนแปลงมาตามภาพนี้ค่ะ นี่คือผลของการ “ทำด้วยรัก สอนด้วยใจ” คริคริ
หนิงคิดว่า หนิงเองก็ต้องผ่านจุดเปลี่ยนอะไรมามากมายเหมือนกันนะคะ เพราะว่าหากเราไม่ได้ “ทำด้วยรัก สอนด้วยใจ” จริง ๆ หนิงอาจจะยังมาได้ไม่ถึงวันนี้ ขอบอกว่าเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีนักเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียนกับหนิงมาตั้งแต่ต้น ๆ และมีบางส่วนเรียน ๆ หาย ๆ และอีกบางส่วนที่เรียนไม่กี่ครั้งแล้วก็ไม่มาเลย อย่างที่หนิงเคยบอกแหละค่ะว่า การฝึกโยคะมีหลากหลายรูปแบบ กว่าจะหารูปแบบที่เหมาะได้ กว่าจะหาเวลา พร้อมกับความพร้อมในหลาย ๆ ด้านของเราและครอบครัง ซึ่งก็เป็นอุปสรรคมากมาย ยังต้องมาดูกันอีกว่ารูปแบบการฝึกระหว่างครูกะนักเรียนจะเข้ากันได้หรือเปล่า ทำให้หนิงเองก็อาจจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกศิษย์หลายๆ คนได้ อีกทั้งหนิงเองก็ยอมรับนะคะว่าหนิงไม่ใช่คนที่เข้มงวดหรือมีกฎกติกาอะไรมากมาย ซึ่งอาจจะทำให้นักเรียนบางกลุ่มไม่ชอบได้เหมือนกัน มิหนำซ้ำ บางคนอาจจะคาดหวังกับการเข้ามาเรียนในครั้งแรกว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่หนิงก็ไม่ได้เป็นแบบที่เขาคาดหวัง อิอิ ซึ่งหนิงก็มองว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ ไม่ได้รู้สึกไม่ดี โกรธ หรือเครียดกับสิ่งนั้นเท่าไหร่ เพราะได้แต่คิดว่า สิ่งที่หนิงทำทั้งหมดหนิงได้ทำด้วยรัก สอนด้วยใจจริง ๆ หากเราตั้งใจทำดีที่สุดแล้ว เราก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม และที่สำคัญหนิงยังมีลูกศิษย์อีกหลายคนที่เขารู้สึกดี และยังช่วงกันแนะนำเพื่อน ๆ ให้มาเรียนกันเพิ่มอีก ซึ่งมันก็เป็นการยืนยันอีกอย่างนะคะว่า หากเราสอนไม่ดี การบอกต่อก็คงไม่เกิดขึ้นแน่นอนค่ะ อีกทั้งเวลาที่มีนักเรียนมาบอกว่าเขารู้สึกว่าเขาดีขึ้น เรางี้เป็นปลื้มมาก มันสุขจริง ๆ ค่ะ เนี่ยแหละค่ะ สิ่งที่หนิง “ทำด้วยรัก สอนด้วยใจ”